วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาษาที่อยากเรียน

ภาษา P.H.P เพราะ PHP/ Hypertext Preprocessor") คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ แบบ Open Source ที่ใช้ในการจัดทำเว็บและสามารถประมวลผลออกมาเป็นรูปแบบ HTML โครงสร้างคำสั่งของ PHP นั้นมีรากฐานมาจากภาษา C Java และ Perl เป้าหมายหลักของภาษาคอมพิวเตอร์นี้ คือ เพื่อให้นักพัฒนาเว็บไซท์สามารถเขียน เว็บเพจ(Web Page) ที่มีความตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว

ภาษาทางคอมพิวเตอร์

ภาษาซี
ข้อดี 1.ภาษา C ใช้ได้ในไมโครคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ขนาด 8 บิต 16 บิต 3
2 บิต มินิคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพิวเตอร์ระดับเมนเฟรม มีการพัฒนาการใช้งาน เพื่อให้เป็นมาตรฐาน ไม่ขึ้นกับโปรแกรมจัดระบบงาน หรือ อุปกรณ์
ทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฮาร์ดแวร์) 2.ภาษา C มีหลายรุ่น มีผู้ผลิตต่างบริษัท แต่มีโครงสร้างคล้ายกัน และสามารถใช้ร่วมกันได้
3.ภาษา C มีความอ่อนตัว สามารถเจาะลงระดับลึกให้เข้ากับฮาร์ดแวร์ ทำงานได้รวดเร็ว และที่สำคัญ ภาษา C เป็นคอมไพเลอร์
4.ภาษา C เป็นภาษาที่มีโครงสร้าง
ข้อเสีย ภาษา C มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง บ่อยครั้งที่พบคุณลักษณะเดียวกัน อาจให้ทั้งผลดีและผลเสียสำหรับตัวอย่าง ความมีอิสระของนิพจน์ที่ต้องการเพิ่มความสามารถในการตอบสนอง การใช้พอยเตอร์ (Pointer) ของภาษา C ค่อนข้างยุ่งยากและทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ความอิสระและความยืดหยุ่นในการใช้งาน ทำให้ต้องระมัดระวังในการเขียนโค้ดประยุกต์การใช้งานต่างๆ
แหล่งข้อมูล : http://c-mode.atspace.com/index3.htm

ภาษาจาวา JAVA
ข้อดี โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษาจาวา สามารถทำงานได้โดยไม่ยึดติดกับ Platform ใดๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ คุณสมบัติดังกล่าวทำให้มีความสะดวกเป็นอย่างมากในการใช้งาน นอกจากนั้นโปรแกรมที่เขียนขึ้นยังมีขนาดเล็กทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ข้อเสีย ของภาษาจาวาก็คือถึงแม้ว่าการทำงานของโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวานั้นจะสามารถใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ แต่เนื่องจากมีการทำงานแบบ Client/Server ดังนั้นการเรียกใช้งานจากคนละระบบปฏิบัติการจะค่อนข้างช้ากว่าการเรียกใช้งานจากระบบปฏิบัติการแบบเดียวกัน
แหล่งข้อมูล : http://www.vcharkarn.com/varticle/18065

ภาษา P.H.P
ข้อดี - ความปลอดภัยอยู่ในระดับดี ถึงสูง พวกธนาคารหลายๆที่จึงเลือกใช้ สำหรับงานระดับลึกๆ หมายถึงข้อผิดพลาดของ bug ต่างๆ นะ
- เมื่ออยู่บน linux,unix,solaris มันทำทำงานได้เร็วกว่า windows ประมาณเท่าตัว
- รูปแบบการเขียน ยืดหยุ่นมาก เขียนได้ทั้ง แบบ เก่า ตือ HTML +code หน้าเดียว หรือแบบใหม่ HTML แยกกันกับ Code ,OOP
- สามารถเขียนได้ ทั้ง win app (ยากฉิบหาย),batch script ,web app ,ล่าสุดมีคนพยายามทำให้มันเป็นเหมือน java นั่นคือ เอา
php code ไปรันบน platform ไหนก็ได้
- มี framework ช่วยพัฒนาเยอะมาก- อะไรที่ .net หรือ java มี เดี๋ยว php ก็มี ตาม (บางอย่าง .net ,java ก็มาลอก php ไป)
เจ๊ากัน
- เป็นที่นิยมในสถาบันการศึกษา เพราะฟรี
ข้อเสีย- ขาด IDE ที่เป็นมาตรฐานกลางทำให้คนเขียน ต้องไป ขุดหาโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาเอาเอง
- บางทีออก version ใหม่บ่อยเกินไป
- การเขียนบางที ต้อง include เยอะแยะไปหมด
- ไม่มี บ. software ใหญ่ๆ เป็นป๋าดันให้ เลยไม่ดังเปรี้ยง แต่ค่อยๆดังเพราะทำความดี สะสม
- การเขียนติดต่อระดับ component หรือ COM+ ของ windows อาจต้อง config ยุ่งยากหน่อย (ไม่เคยเขียน)
- ใช้ IE เปิด web php.net ใน เครือข่าย kku แล้ว download php ยากมาก
แหล่งข้อมูล : http://202.28.94.55/comsc/webboard/index.php?topic=549.0

ความเเตกต่างระหว่าง ภาษา C# . net และ ภาษา VB . net
ภาษา C# . net
- รองรับ XML documentation คล้ายๆ javadoc คือเอาคอมเม้นต์ในโค้ดมาแปลงเป็นเอกสาร technical manual ได้เลย แต่ใน VB.Net เวอร์ชั่น 2005 (Whidbey) ก็จะรองรับในคุณสมบัตินี้ด้วย

- สามารถทำ operator overloading ได้ (VB.Net 2005 ก็จะทำได้เช่นกัน)
- รองรับ unsigned datatype (VB.Net 2005 ก็จะทำได้เช่นกัน)
- มีประโยค using เพื่อใช้จัดการกับ resource ที่เป็นแบบ unmanaged- รองรับ unsafe code
สังเกตได้ว่า อะไรที่ใน C# มี ซึ่งเป็นสิ่งที่ซับซ้อนใน VB.Net เวอร์ชันถัดไป ก็จะมีด้วย แต่มักจะถูกนำมาแสดงในรูปแบบที่ง่ายต่อความเข้าใจ แต่อะไรที่ VB.Net มี มักจะไม่ถูกนำไปเพิ่มให้กับ C# เช่นรูปแบบการสร้าง event ที่เรียบง่าย อย่างประโยค Handlesหรือคีย์เวิร์ด My ที่จะมีใน VB.Net Whidbey (คิดว่าใน C# อาจจะไม่มี) หรือ Optional argument(ใน C# แก้ปัญหานี้ด้วยการทำ overloading แต่ก็จะไม่สามารถใช้งานร่วมกับ ActiveX component แบบเดิมได้อยู่ดี)
ถ้าขนาดของโปรเจ็กต์ที่คุณคิดว่าจะต้องทำในอนาคตใหญ่มากๆ ก็ควรจะเลือก C# ไปเสียแต่แรกเลย เว้นแต่จะมีวิธีแก้ปัญหาIDE ที่ช้ามากๆ เมื่อมีไฟล์จำนวนมากของ VB.Net ได้


ภาษา VB . net
- รองรับ Optional argument ซึ่งสำคัญมากที่คุณต้องการใช้งานร่วมกับ ActiveX component หรือการเขียนโค้ดชนกับพวก Office
- ทำตัวไม่ซีเรียสได้ คือยอมรับการทำ late-binding ได้ถ้าไม่กำหนด Option Strict On การเขียนโค้ดพวกนี้ใช้กับพวก ActiveX อีกนั่นเอง (ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเขียนโค้ดแบบ late-binding ใน .Net)
- รองรับการทำ named indexer (การสร้าง property ที่มี argument)
- มีคำสั่ง VB แบบเดิมๆ เช่น Left, Mid, UCase, … ให้ใช้ง่ายๆ สำหรับ ผู้ใช้ VB6 มาก่อน (การเรียกใช้ฟังก์ชันแบบเดิมๆ นี้จะมีผลต่อประสิทธิภาพของโปรแกรม)
- มีประโยค With..End With ให้ใช้- ความเรียบง่าย เช่นการสร้างประโยค Event
- สามารถกำหนดชื่อเมธอดของการ implements interface ที่ต่างจากที่กำหนดไว้ใน interface ได้ (ผมว่าไม่ค่อยได้ประโยชน์เลย ทำให้ยุ่งยากในการค้นหาเสียมากกว่า)
- มีประโยค Catch…When… ทำให้สามารถทำการ filter exception ด้วยเงื่อนไขได้ นอกเหนือจากการ filter ด้วยชนิดของ exception เท่านั้น
- Visual Studio .Net จะทำการ compile โค้ดในลักษณะ background ซึ่งช่วยเป็นข้อดีในโปรเจ็กต์ขนาดเล็ก แต่ถ้าโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่มหึมาจะกลับเป็นข้อเสียอย่างมาก (มีฝรั่งหลายคนบ่นว่าต้องถึงกับต้องยอมเปลี่ยนจาก VB.Net มาเป็น C# เลย ในโปรเจ็กต์ที่มีไฟล์มีคลาสเป็นพันๆ)
แหล่งข้อมูล : http://kaow-oat.spaces.live.com/blog/cns!3FF3C36A89EF38F9!1741.entry

ความแตกต่างระหว่างภาษา c เเละ ภาษาc++
ภาษา C เป็นต้นรากฐานของเหล่า C++ C# และตระกูล C อื่นๆทั้งหลายในแง่ของหลักการใช้แล้ว C กับ C++ จะแตกต่างกันภาษา C จะเขียนโปรแกรมในเชิง ลำดับขั้น ซึ่งเป็นรูปแบบธรรมดาๆ เป็นภาษาที่ใช้สอนกันง่าย เรียกได้ว่า เป็นภาษาพื้นฐานของทุกภาษาเลยทีเดียว

ภาษา C++ จะเป็นการเขียนเชิงวัตถุ(OOP: Object Oriented Programming) คือ มองทุกอย่างเป็น วัตถุ เสียหมด ซึ่งทำ
ภาษา C++ ก็คือภาษา C ดีๆ นี้ละเพียงแต่ว่ามันจะมีความยืดหยุ่นบางอย่างที่เก่งกว่า C และมีคลาสให้เราใช้งาน สามารถพัฒนาโปรแกรมในลักษณะ OOP หรือเชิงวัตถุ ภาษา C++ เป็นพื้นฐานของการสร้างชุดคำสั่ง Component ต่างๆ และยังเป็นพื้นฐานเพื่อการพัฒนาโปรแกรมบน Windows
แหล่งข้อมูล : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=619aa796a2fcb5a1

ความเเตกต่างระหว่าง as2 และ as3
1. มันเขียนโค้ดลงบนวัตถุไม่ได้ (เช่น เขียนโค้ดลงบนปุ่ม) ต้องเขียนบนเฟรม หรือไฟล์ as เท่านั้น
2. ทุกอย่างทำงานเป็น Event และมี Listener อย่างชัดเจน อธิบายคร่าวๆ คือ.. มี "ยาม" มานั่งเฝ้า "เหตุการณ์" ที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น "ยาม" นั่งเฝ้าตึกอยู่ หากมี "โจรปีนตึก" ยามจะต้องทำอะไรบ้าง!!! เราก็กำหนดไป
3. คำสั่งใน AS2 บางส่วนตัดทิ้งไป และใช้งานคนละแบบกันใน AS3 เลย อย่างเช่น gotoAndPlay ปกติแล้ว AS2 เราจะใส่ชื่อ Scene ก่อนแล้วตามด้วยเฟรม แบบนี้
1.gotoAndPlay("Scene 1", 1);
แต่ AS3 จะต้องใส่ เฟรม ก่อนชื่อ Scene (ระวังให้ดี)

1.gotoAndPlay(1, "Scene 1");
แต่เหตุที่ต้องเปลี่ยน เพราะอะไร? ไว้ผมจะอธิบาย ใน "ยาม" ที่เราเข้าถึงเหตุการณ์ "เรียน OOP"
ภาษาjava script
ข้อดี · ความเร็ว . เป็นฝั่งไคลเอ็นต์, JavaScript มีความรวดเร็วเพราะมีฟังก์ชัน code สามารถทำงานทันทีแทนที่จะต้องติดต่อเซิร์ฟเวอร์และรอคำ
ตอบ
· Simplicity. JavaScript is relatively simple to learn and implement. เรียบง่าย . JavaScript ค่อน

ข้างง่ายที่จะเรียนรู้และใช้
· Versatility. JavaScript plays nicely with other languages and can be used in a huge variety of applications. เก่งกาจ . JavaScript เล่นอย่างกับภาษาอื่น ๆ และสามารถใช้ในมากมายของการใช้งาน Unlike PHP or SSI scripts, JavaScript can be inserted into any web page regardless of the file extension. ต่างจาก PHP หรือสคริปต์ SSI, JavaScript สามารถแทรกลงในหน้าเว็บใด ๆ ไม่ว่านามสกุล JavaScript can also be used inside scripts written in other languages such as Perl and PHP. JavaScript สามารถใช้ในการเขียนสคริปต์ในภาษาอื่น ๆ เช่น Perl และ PHP
· Server Load. Being client-side reduces the demand on the website server. Load Server . เป็นฝั่งไคลเอ็นต์เซิร์ฟเวอร์ลดความต้องการในเว็บไซต์

ข้อเสีย · Security . เนื่องจากรหัสรันบน'ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในบางกรณีก็สามารถใช้ประโยชน์เพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตราย This is one reason some people choose to disable JavaScript. นี่คือเหตุผลหนึ่งที่บางคนเลือกที่จะปิดการใช้งาน JavaScript
· Reliance on End User. JavaScript is sometimes interpreted differently by different browsers. พึ่งพา End User . JavaScript ถูกแปลบางครั้งแตกต่างจากเบราว์เซอร์ที่แตกต่างกัน Whereas server-side scripts will always produce the same output, client-side scripts can be a little unpredictable. ส่วนสคริปต์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์มักจะผลิตออกเดียวกันสคริปต์ฝั่งไคลเอ็นต์สามารถคาดการณ์เล็กน้อย Don't be overly concerned by this though - as long as you test your script in all the major browsers you should be safe. ไม่ต้องกังวลจนเกินไปโดยนี้แม้ว่า -- ตราบเท่าที่คุณทดสอบ script ของคุณในทุกเบราว์เซอร์ที่สำคัญคุณควรจะปลอดภัย

แหล่งข้อมูล : www.mediacollege.com/internet/javascript/pros-cons.html

ภาษา ปาสคาล
ข้อดี •ทำงานได้เร็ว
•ตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมซอร์ดโค้ดในขั้นตอนของการคอมไพล์


ข้อเสีย มีอยู่เรื่องเดียว คือ เรื่อง ชุด String ครับ เวลาเขียนโปรแกรม ที่ต้องสั่งการกับระบบ ปฎิบัติการ มันต้องระมัดระวังหน่อยครับเพราะ ระบบปฎิบัติการ มันเขียนด้วย C ชึ่ง String ของ C มัน Start ที่ตำแหน่ง Array 0 แต่ String ของ Pascal มัน Start ที Array ที่ 1 แต่มันก็ไม่ยุ่งยากเกินไปที่จะแก้ปัญหาครับเราหลีกเลี่ยงวิธีการต่างๆ เหล่านี้ได้
เเหล่งข้อมูล : http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/Knowledge/Database/database2.htm

ภาษา VB
ข้อดี ใช้งานง่ายเพราะเป็นการเขียนแบบ visual programming มีโครงสร้างภาษามาจากภาษา basic เรียนรู้ได้ง่าย สามารถติดต่อกับ API ของวินโดว์ได้
ข้อเสีย ไม่รองรับการทำงานสถาปัตยกรรม .net framework เขียนโปรแกรมเชิงวัตถุไม่ได้ ทำให้จะพัฒนาแอฟต่อไปจะต้องเขียนใหม่หมด ไม่สามารถใช้หลักการ reuse และอีกหลายอย่างใน ทฤษฎีเชิงวัตถุได้ ส่วนข้อเสียเล็กๆน้อยก็มีอีกเยอะ เพราะตัวนี้มันเก่าแล้ว แต่ถ้าเขียนโปรแกรมเก่ง vb 6.0 ก็ยังทำอะไรได้อีกหลายอย่าง
แหล่งข้อมูล : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4de5b15c179787ef



จัดทำโดย
นางสาวกาญจนา จอมศรี เลขที่ 1 ( หัวหน้า )
นายณัฐพงศ์ กองสิงห์ 31 ( รองหัวหน้า )
นายปฎิวัติ ทองแก้ว เลขที่ 32 ( เลขานุการ )
พณ 2/12